การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดไม่ว่าจะยุคสมัยใด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน หัวใจหลักของการตลาดคือ “ข้อมูล” ซึ่งจะมีทั้งข้อมูลทั่วๆ ไป และข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายในการทำการตลาดนั้น เช่น อายุของกลุ่มเป้าหมาย ที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมาย ลักษณะการใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมาย หรือแม้กระทั่งชื่อ นามสกุลของกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ นักการตลาด ได้มีการหยิบใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าวไม่มากก็น้อย สรุป คือทุก ๆ กิจกรรมทางการตลาดมีการใช้ข้อมูลทั้งนั้น
สมัยก่อนนั้น นักการตลาดและเจ้าของธุรกิจยังสามารถนำข้อมูลส่วนบุคคล (PD) ของกลุ่มเป้าหมาย (Target Audience) มาใช้เพื่อการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดได้อย่างไม่ถูกจำกัดการใช้งาน เพียงแค่อาจจะต้องระวังไม่ให้กลุ่มเป้าหมายเสียหาย แล้วเกิดการร้องเรียนภายหลัง แต่นับจากเดือน มิถุนายน 2565 การหยิบใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของนักการตลาดจะต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะไม่ใช่แค่ต้องระวังว่าไม่ให้กลุ่มเป้าหมายเสียหายจากการใช้ข้อมูลนั้นเท่านั้น หากแต่ต้องมีการคำนึงถึงตั้งแต่เริ่มต้นการใช้งาน โดยอาจจะส่งผลทำให้มีกระบวนการในการดำเนินการเพิ่มขึ้นจากสมัยก่อน เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) จะให้ความคุ้มครองถึงสิทธิของเจ้าข้อมูลอย่างครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการเก็บ ใช้ ระงับ ยกเลิก ทำลาย ร้องเรียน ฟ้องร้อง ซึ่งนักการตลาดจะต้องดำเนินการในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มเป้าหมายให้ถูกต้องตามกฎหมายดังกล่าว มีการใช้อย่างถูกต้อง มีการกำหนดระยะเวลาในการเก็บและใช้ข้อมูลต่าง ๆ
ทำไมนักการตลาดถึงต้องระวัง... เพราะบทลงโทษตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลค่อนข้างมีความรุนแรง โดยโทษตามกฎหมายนี้จะมีทั้งโทษทางแพ่ง ทางอาญา และทางปกครอง ทั้งนี้ หากเกินการร้องเรียนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล แล้วเกิดทางคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสืบสวนพบว่าบริษัทของนักการตลาดนั้น ไม่มีกระบวนการใด ๆ ที่ปรับใช้ให้เข้ากับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ได้ อาจจะเดือดร้อนไปถึงผู้บริหารของบริษัทนั้น ๆ เลยทีเดียว ซึ่งโทษมีทั้ง แพ่งและอาญา และค่าปรับอาจสูงสุดถึงกว่า 5 ล้านบาท
ซึ่งกฎ ระเบียบ วิธีการดำเนินการในการเก็บ รวบรวม ใช้ ประมวลผลข้อมูล ที่มีการกำหนดในกฎหมายฉบับนี้มีความละเอียด มีแนวทางในการดำเนินการ กล่าวคือ เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อวางกฎ ระเบียบในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เจตนารมย์ของกฎหมายฉบับนี้จึงต้องการให้มีการบังคับใช้กับบริษัททุกบริษัทที่มีการเก็บ รวบรวม ใช้ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ดังนั้นหากบริษัทท่าน มีกระบวนการใด ๆ ที่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าทางใด ทางหนึ่ง ท่านจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษากฎหมายฉบับนี้ให้ดีเสียก่อนที่จะดำเนินกิจกรรมทางการตลาดต่อไป
Comments